10.2.09

April Snow – ปลายทางของคนรักหลงฤดู


April Snow – ปลายทางของคนรักหลงฤดู
โดย
merveillesxx

แรกทีเดียวนั้นผมคิดว่าหนังเรื่องล่าสุดของเฮอร์จินโฮนั้นดู “แปลกไป” อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ดาราระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง แบยองจุนและซอนเยจิน, การลงทุนด้วยงบมหาศาล, การโปรโมทชนิดไม่บันยะบันยัง รวมถึง ”ท่าที” ของตัวผู้กำกับเอง

แต่หลังชม April Snow จบลงแล้ว ผมพบว่าเฮอร์จินโฮก็ยังเป็นคน “คนเดิม”
…คนที่วนเวียนอยู่กับเหล่า “คนรักหลงฤดู”
เปิดไตรภาคคนรักหลงฤดู

เช่นเดียวกับหว่องกาไว ผลงานทั้งหมดของเฮอร์จินโฮก็มีความเชื่อมโยงกัน ผมคิดว่าหนังทั้งสามเรื่องของเขา อันได้แก่ Christmas in August (1998), One Fine Spring Day (2001) และ April Snow (2005) ล้วนมีความเกี่ยวพันอันแนบแน่นของ “ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง” กับ “ฤดูกาล” และที่สำคัญก็คือทั้งหมดเป็นเรื่องก็เกิดขึ้น “ผิดจังหวะ” ช่วงชีวิต

Christmas in August พูดถึงเจ้าของร้านถ่ายรูปหนุ่มกับตำรวจจราจรสาวที่มาพบรักกันในขณะที่ฝ่ายชายกำลังจะตาย แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต เพราะความรักก็ดลบันดาลให้เกิด “คริสต์มาส” ใน “เดือนสิงหาคม” ได้

ถัดมา One Fine Spring Day เล่าถึงชายหนุ่มที่มีความสัมพันธ์กับรุ่นพี่สาวจนมี “วันที่สวยงาม” ให้แก่กัน แต่เพราะความต่างระหว่างวัย ก็ทำให้ช่วงเวลาเหล่านั้นกลายเป็นเพียงอดีต
และสุดท้าย April Snow ก็ก้าวข้ามมาถึงจุดปลายของการเป็นคนรักหลงฤดู นั่นก็คือ ความสัมพันธ์แบบ “ชู้”
หนังทั้งสองเรื่องก่อนของเฮอร์จินโฮนั้นปิดฉากด้วยความเศร้า ความน่าสนใจอยู่ที่ว่าคราวนี้เขาจะเลือกปิดฉากลงอย่างไร


ผู้กำกับจอมกลั่นแกล้ง

คงเรียกได้ไม่ผิดเพี้ยนนักว่าหนังของเฮอร์จินโฮเป็นหนังประเภทเมโลดราม่า หากแต่ว่านำเสนอออกมาแบบไม่ฟูมฟาย เป็นการถ่ายทอดแบบ “น้อยได้มาก” (Minimalism)
หนึ่งในลักษณะทางเมโลดราม่าในหนังของเฮอร์จินโฮก็คือ “สถานการณ์” ที่เหล่าตัวละครต้องประสบพบเจอ ราวกับว่าเธอกับเขาไม่มีวันได้สมหวังในความรัก
1. Christmas in August : ชายหนุ่มมีความรักแต่ก็กำลังจะตาย / หญิงสาวที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
2. One Fine Spring Day : ชายหนุ่มถูกรุ่นพี่สาวทิ้งโดยไม่รู้ตัว / พอเธออยากจะคืนดีด้วย เขาก็เดินจากเธอไป
3. April Snow : เริ่มจากคนรักของอินซู (แบยองจุน) และโซยอง (ซอนเยจิน) เป็นชู้กัน / ภรรยาของเขาฟื้น / สามีของเธอตาย
จะเห็นได้ว่า “ความไม่สมหวัง” ของ Christmas in August และ One Fine Spring Day เกิดขึ้นด้วยสาเหตุที่แตกต่างกัน เรื่องแรกเป็นเรื่องของ “ชะตากรรม” ที่ไม่อาจเลี่ยงได้ ส่วนเรื่องหลังเป็นเพราะ “การการะทำของอีกฝ่าย”

ส่วนในกรณี April Snow นั้นหนักข้อที่สุดเพราะทุกสิ่งเริ่มต้นด้วย “การกระทำของคนอื่น” (สามีของโซยอง / ภรรยาของอินซู) จากนั้นก็ตามด้วย “ชะตากรรม” ที่สั่นคลอนความสัมพันธ์ของเขาและเธอ ชนิดที่อาจจะทำให้ไม่ได้พบกันอีกชั่วชีวิตเลยก็ได้


ฉะนั้นแล้วเหตุการณ์ในช่วงท้ายของหนังนั้นจึงดำเนินเรื่องด้วย “การตัดสินใจ” และ “การกระทำ” ของตัวละคร ซึ่งเป็นจุดเด่นของ “หนังชู้” ที่บีบหัวใจคนดูมานักต่อนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นในหนังชู้ที่ดีที่สุดในโลกอย่าง In The Mood For Love หรือหนังชู้ศิลปะชั้นสูงอย่าง Yes ตัวละครในหนังก็ต้องผ่านการ “เลือก” อันยากลำบาก
แล้วเขาจะเลือกอย่างไร …เธอจะเลือกแบบไหน …เขาและเธอจะเลือกทางเดียวกันหรือเปล่า

ปลายทางของคนรักหลงฤดู
ตอนที่โซยองถามอินซูว่า “คุณจะทำอย่างไรถ้าเกิดภรรยาของคุณฟื้นขึ้นมา” เขาตอบว่า “ผมจะแก้แค้น”
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าการแก้แค้นได้หรือเปล่า แต่ฉากที่อินซูบอกภรรยาของเขาว่า “เขาตายไปแล้วนะ ผู้ชายคนนั้นน่ะ” แล้วเธอก็ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ …อินซูเห็นภาพนั้นแล้วก็คงไม่คิดจะทำอะไรไปมากกว่านี้
หลังจากฉากนั้น ภาพก็ตัดมาที่ห้องที่เต็มไปด้วยของระเกะระกะ อินซูย้ายบ้านใหม่ เขาเดินออกมาจากชีวิตของคนที่เขาเคยรัก เขาเลือกที่จะอยู่ “คนเดียว” อีกครั้ง
นั่นคือ “ทาง” ที่อินซูเลือก



ชื่อภาษาเกาหลีของ April Snow คือ Oechul ซึ่งมีความหมายว่า Going Out …คำถามก็คือ “ใคร” กำลังจะออก “ไปไหน”
หากสังเกตให้ดีแล้วเราจะพบว่า April Snow มี “ฉากขับรถ” อยู่เป็นระยะ และบ่อยครั้งที่อินซูกับโซยองอยู่ในรถคันเดียวกัน
การเดินทางในช่วงแรกของทั้งสองมีแต่ “เส้นทางบังคับ” จุดมุ่งหมายนั้นถูกกำหนดไว้แล้ว ขับรถไปโรงพยาบาล, ไปงานศพของชายที่ตายในอุบัติเหตุ, กลับมาเยี่ยมคนรักของตัวเอง, กลับโรงแรม …ซึ่งเหมือนเป็นการเปรียบเปรยกับ “หัวใจที่ขาดอิสระ” เพราะ “พันธะ” ที่ตรึงเขาและเธอไว้ก็คือ คนรักที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

ฉากที่อินซูและโซยองเจอกันในกรุงโซล ที่สุดท้ายไปจบลงด้วย “การเดินเล่น” ถือเป็นครั้งแรกของการเดินทางอันไม่รู้ “จุดหมายปลายทาง” ที่ชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันนอกจากการงอกเงยของ “ความสัมพันธ์” แล้ว ก็ถือได้ว่าเค้าลางของ “อิสรภาพ” ก็เริ่มก่อตัวในฉากนี้เช่นกัน เพราะนี่เป็นการตัดสินใจ “เลือก” ด้วยตัวเองของทั้งอินซูและโซยอง
แต่พอมาถึงฉากที่อินชูขับรถอยู่คนเดียวในยามค่ำคืนหลังจ่กไปงานศพสามีของโซยอง คราวนี้เราไม่รู้เช่นกันว่าเขากำลังจะไปไหน แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้ไม่ใช่ความรู้สึกที่เป็นอิสระ แต่เป็นความโดดเดี่ยว
ความแตกต่างของสองฉากนี้อยู่ที่ “จำนวนคน” ในรถคันนั้น ระหว่าง “เขาและเธอสองคน” กับ “เขาคนเดียว” และอินซูก็คงตระหนักรู้ได้ในคืนนั้น
หากจำกันได้ในฉากที่อินซูขับรถคนเดียว ใบหน้าของเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และนั่นเองก็คงเป็นที่มาของ “ทาง” ที่อินซูเลือกดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น
เป็นการเลือกที่ทำให้อินซูต้องอยู่คนเดียว ก่อนที่จะทำให้คนสองคนได้กลับมาเดินทางแบบไร้จุดหมายร่วมกันอีกครั้ง


เพราะในที่สุดแล้วอินซูและโซยองก็กลับมาพบกัน โดยมี “หิมะ” ที่โปรยปรายลงมาในเดือนเมษาเป็น “เข็มทิศ” นำทาง โดยอาจจะเป็นการเผชิญหน้ากันโดยที่ไม่มีคำว่า “ชู้” มาคอยกั้นกลางอีกต่อไป
ในฉากสุดท้ายโซยองถามว่า “คุณกำลังจะพาฉันไปไหน” อินซูตอบว่า “แล้วคุณล่ะ อยากไปที่ไหน”
ประโยคนี้เป็นสิ่งยืนยันถึงธีม “คนรักหลงฤดู” ในหนังของเฮอร์จินโฮ ซ้ำร้ายว่าคราวนี้มันอาจจะถึงขั้นเป็น “คนหลงทาง” แต่ในขณะเดียวกันมันก็ตอกย้ำถึง “อิสระ” ของทั้งสองว่าคราวนี้เขาและเธอมีสิทธิที่จะ “เลือก” ว่าจะไปที่ไหน
ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด และแตกต่างกับหนังสองเรื่องก่อนหน้าของเฮอร์จินโฮก็คือ ในคราวนี้เขาและเธอ “อยู่ด้วยกัน”
หากเทียบกับ In The Mood For Love แล้ว ความสัมพันธ์ใน April Snow ย่อมมีหนทางมากกว่า เพราะว่า “ฤดูกาล” นั้นย่อมยาวนานกว่า “ห้วงเวลา”
แม้หิมะจะตกหนักจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า แม้ไฟถนนจะส่องแสงริบหรี่ แต่ผมก็เชื่อว่าอินซูกับโซยองจะค้นพบเส้นทางไปยังข้างหน้าได้ในที่สุด
เพราะแม้จะเป็นหิมะที่ตกในเดือนเมษา แต่ก็ยังมีคนสองคนที่พร้อมจะหลงอยู่ในฤดูกาลนั้นด้วยกัน



เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

1. ผู้กำกับที่หลงเสน่ห์ฤดูกาล : หนังของเฮอร์จินโฮทั้งหมดมักดำเนินเรื่องในหลากฤดู สองฤดูหลักที่มักปรากฏในหนังของเขาก็คือ “ฤดูใบไม้ผลิ” และ “ฤดูหนาว” ส่วนใน April Snow นั้นหนังเริ่มต้นด้วยฤดูหนาว (ช่วงเวลาอันแสนเศร้าของเขาและเธอ) กลางเรื่องเป็นฤดูใบไม้ผลิ (ความสัมพันธ์ที่งอกเงย) และลงท้ายด้วยฤดูหนาวอีกครั้ง (การตัดสินใจอันยากลำบากของทั้งคู่)

2. ใน April Snow มีฉากที่คล้ายกับงานเก่าๆ ของเฮอร์จินโฮเหมือนกัน เช่น

2.1 ฉากป้ายงานศพของสามีนางเอก เหมือนฉากป้ายงานศพของพระเอกในเรื่อง Christmas in August

2.2 ฉากซอนเยจินกินไอติมแท่ง ดูยังไงก็เหมือนตอนที่ ชิมอึนฮากินไอติมใน Christmas in August ไม่มีผิด

2.3 บุคลิกท่าทางของแบยองจุนตอนกำกับแสงไฟในเวทีคอนเสิร์ต ก็คล้ายยูจีแทตอนบันทึกเสียงธรรมชาติใน One Fine Spring Day

3. พระเอกในหนังของเฮอร์จินโฮล้วนมีอาชีพแปลกๆ อย่าง “เจ้าของร้ายถ่ายรูป”, “ช่างบันทึกเสียง” และ “ผู้กำกับแสงไฟ” งานเหล่านี้ล้วนเป็นอาชีพเหงาๆ ที่ต้องอยู่คนคนเดียว (กรณีผู้กำกับแสงไฟนั้นขณะผู้คนมากมายกำลังสนุกสนาน เขาก็ยืนอยู่เงียบๆ หลังแผงควบคุม)

4. ส่วนตัวแล้วผมมีความเชื่อว่าเฮอร์จินโฮตั้งใจสร้าง April Snow ให้เป็นการปิดฉากหนังไตรภาคชุดแรกของเขา ฉะนั้นแล้วผลงานต่อจากนี้ไปของเขาจะต้องมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นแน่นอน



ฉากประทับใจกับหนังของเฮอร์จินโฮใน April Snow

3.1 ฉากแบยองจุนร้องไห้ในร้านเหล้า (เชื่อแล้วครับว่าพี่แบซามะแกเก่งจริง)
3.2 ฉากซอนเยจินลงจากรถแล้วร้องไห้ริมถนน
3.3 ฉากแบยองจุนเปิดปิดสวิทช์โคมไฟ
3.4 ฉากที่พระเอกนางเอกชวนกันวิ่ง
3.5 ฉากพระเอกนางเอกถ่ายรูปกล้องมือถือด้วยกันที่ริมทะเล
3.6 ฉากเลิฟซีนทุกฉาก …เป็น 9 ชั่วโมงที่คุ้มค่า (หนังเรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำฉากเลิฟซีนถึง 9 ชั่วโมง)
3.7 ฉากในห้องพระเอก ตอนที่นางเอกกำลังปลอกผลไม้ (ชอบมากกว่าข้อ 3.6 อีก)
3.8 ฉากหิมะตกตอนท้ายเรื่อง
3.9 ฉากจบ



ความคิดเห็นของผู้ชมภาพยนตร์ April Snow(ลิขิตพิศวาส)

ผมเป็นผู้หนึ่งที่คอยติดตามข่าวคราวภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 2547 เป็นต้นมา ก็ตั้งแต่ตอนที่มีข่าวว่า เยจิน นั้น จะมีผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่กับนักแสดงดังชั้นแนวหน้าของเกาหลี ไม่ใช่สิ ต้องเป็นชั้นแนวหน้าของเอเชีย อย่าง แบยงจุน ในตอนนั้นผมเองยอมรับว่า ผมรู้สึกเป็นห่วง เยจิน มากๆ ว่าเธอจะสามารถแสดงประกบคู่กับนักแสดงฝีมือเยี่ยมอย่าง แบยงจุน ได้เช่นไร แต่พอได้ติดตามข่าวคราวต่างๆ ที่มีออกมาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง และรับทราบจากบทสัมภาษณ์ต่างๆ จากทั้งทางผู้กำกับ และเพื่อนนักแสดง ก็ทำให้พอทราบได้ว่า เยจิน นั้นสามารถแสดงร่วมกับนักแสดงชั้นแนวหน้าของเกาหลีได้อย่างทัดเทียมไม่น้อยหน้ากันเลย แต่นั้นก็ยังไม่ทำให้ผมเชื่อได้สนิทใจว่าเธอจะแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ในบทบาทที่เรียกได้ว่าพลิกบทบาทครั้งยิ่งใหญ่ได้อย่างที่ข่าวมีออกมาเลย จนมาถึงวันนี้ ผมได้สัมผัสถึงพรสวรรค์ทางการแสดงของ เยจิน ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ความนึกคิดต่างๆ ของตัวละครที่เธอสวมบท ออกมาให้ผมเข้าใจ และเห็นใจท่ามกลางการดำเนินเรื่องราวไปอย่างเรื่อยๆ และเรียบง่าย ได้อย่างยอดเยี่ยมและไม่น่าเชื่อ นั่นก็ทำให้ผมคิดว่า เยจิน ไม่ใช่เป็นเพียงนักแสดงฝีมือเยี่ยมที่แสดงภาพยนตร์หรือละครซึ่งเน้นผู้ชมทุกเพศทุกวัย อย่างที่บ้านเราเรียกกันว่าหนังตลาด แต่เธอเลื่อนชั้นเป็นนักแสดงภาพยนตร์คุณภาพ หรืออาจเรียกได้ว่าเธอเป็นศิลปินตัวจริงแล้วในขณะนี้

ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เยจิน ได้ทำให้ผู้ชมอย่างเราๆ ได้เห็นถึงความงามอันเรียบง่ายเป็นธรรมชาติของหญิงสาวที่เป็นแม่บ้านซึ่งสามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้แล้ว เธอยังทำให้ผู้ชมที่เป็นผู้ชาย ก็อาจไม่ใช่ทุกคนนะครับ แต่อย่างน้อยก็เป็นผมคนหนึ่งล่ะ ที่ได้ทราบธรรมชาติของหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรักนั้น มีความรู้สึก และมีอาการแสดงออกมาอย่างไร ซึ่งจากที่กล่าวมานั้นสรุปได้เลยว่า เยจิน นั้นเข้าถึงตัวละคร โซยัง ได้อย่างถึงบทบาท และเข้าใจเรื่อง April Snow ได้อย่างลึกซึ้งด้วย



ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ผมกล่าวแต่ความสามารถทางการแสดงของ เยจิน เท่านั้น ในเรื่องนี้ เยจิน ได้ทำให้ผู้ชมอย่างผมได้ทราบว่านักแสดงที่สมบูรณ์แบบนั้นเป็นเช่นไรด้วย โดย เธอ นั้นไม่ได้มีเพียงแต่ความสามารถทางการแสดงอันยอดเยี่ยมเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังทำให้ผมเห็นถึงรูปร่างหน้าตาที่สวยงามสมบูรณ์แบบ รูปร่างสัดส่วนที่ดูสมส่วน และดูดี มีอยู่หลายฉากที่เป็นฉากเลิฟซีน และบางฉากก็เป็นฉากที่เธอต้องใส่เพียงชุดชั้นใน เยจิน นั้นได้ใช่ความงามทางร่างกายผสานกับพรสวรรค์ทางการแสดงของเธอ ทำให้ฉากต่างๆ เหล่านี้ดูงดงาม และดูเป็นศิลปะได้อย่างกลมกลืนด้วย

สำหรับการดำเนินเนื้อเรื่อง อาจดูเหมือนว่าเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรมาก แต่หากผู้ชมเรื่องนี้ ได้รู้จักถึงสไตล์การทำภาพยนตร์ของผู้กำกับ เฮอจินโฮ คนนี้แล้ว ก็จะพบว่า ในเนื้อเรื่องทุกฉากทุกตอน ทุกความรู้สึก นึกคิดของตัวละคร ได้ถูกใส่รายละเอียดต่างๆ เพื่อสร้าง และดึงอารมณ์ของผู้ชมให้คล้อยตามตัวเนื้อเรื่องได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และตัวเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ก็ถูกออกแบบให้ต้องอาศัยความสามารถทางการแสดงของนักแสดงเป็นสิ่งช่วยให้ผู้ชมเข้าใจเนื้อเรื่องหรือเรื่องราวต่างๆ ได้ง่าย ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่นับได้ว่ามีบทพูดอยู่ไม่มากก็ตาม โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่หากผู้ชมต้องการได้อะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้ไปมากๆ แล้ว ก็คงจะต้องชมภาพยนตร์ซ้ำอีกเป็นรอบที่สอง รอบที่สาม หรือจะมากกว่านั้นก็ยิ่งดี แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะแนะนำผู้ชมที่เป็นผู้ปกครองบุตรหลานของท่าน ขอให้พิจารณาความเหมาะสมในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับบุตรหลานของท่านด้วย เพราะว่าเนื้อหาของภาพยนตร์ ค่อนข้างเป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ และเป็นเรื่องผิดศิลธรรม จึงไม่เหมาะสมอย่างมากสำหรับบุตรหลานของท่านครับ

ส่วนทางด้านนักแสดงนำชาย แบยงจุน โดยความเห็นส่วนตัว ผมว่าเขาแสดงได้ยอดเยี่ยมและถึงบทบาทเช่นเดียวกับ เยจิน ดูได้จากการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ระหว่างแบยงจุน กับ ซอนเยจิน นั้นทำได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมประทับใจภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็เห็นจะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ด้วยท่วงทำนองที่สามารถดึงความรู้สึกเศร้าหมอง หมดสิ้นความหวัง และรู้สึกผิดบาป หรือแม้แต่ในช่วงเวลาที่มีความสุขเพียงเล็กน้อยก็ตาม ก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้ถูกต้องตามจังหวะอารมณ์ของภาพยนตร์ ซึ่งก็ทำให้ในช่วงเวลาเกือบสองชั่วโมงที่ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องไป ผมจึงไม่รู้สึกง่วงหรือเบื่อหน่ายแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเลย

จากที่ได้ชมภาพยนตร์ April Snow ในวันนี้ ผมขอสรรเสริญในความสามารถของทั้งนักแสดงทุกท่าน ผู้กำกับ และผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน ที่มีส่วนสร้างสรรผลงานอันทรงคุณค่านี้เพื่อให้ผู้ชมทั้งหลายได้มีทางเลือกในการรับชมภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย

Sorawit@sonyejin.in.th




April Snow Synopsis

Two strangers discover their spouses were having an affair in this highly anticipated film from Christmas in August director Hur Jin-Ho. April Snow doesn't quite achieve the dizzying heights of Wong Kar-Wai's similarly themed In the Mood for Love, but thanks to magnetic performances from its two leads, beautiful imagery, and an understated filmmaking style, it amounts to a fine film all the same. Bae Yong-Joon fans aren't likely to be disappointed. You know who you are.

Director: Hur Jin-Ho


Criticize by Sanjuro

From Hur Jin-Ho, director of Christmas in August and One Fine Spring Day, comes April Snow, a highly-anticipated starring vehicle for Korean megastar Bae Yong-Joon, riding high on the success of the TV drama Winter Sonata and its ubiquitous Pan-Asian popularity. Bae stars alongside Son Ye-Jin (A Moment to Remember, The Classic) in this surprisingly affecting romantic drama. Plot-wise, April Snow revolves around a car crash that ends up leaving a man dead and a happy couple in a coma. However, things are a little more complicated for the survivors, considering the fact that the two lovers are in fact married to other people.



In response to the accident, concert lighting coordinator In-Su (Bae Yong-Joon) and housewife Seo-Young (Son Ye-Jin) rush to the hospital to wait by the bedside of their comatose loved ones. As they sort out their respective spouses' possessions, they slowly come to grips with the horrible truth. Discovering a condom here, a flirty text message there, and finally a sexually suggestive video, the two find their growing suspicions solidifying in shocking fashion. Immediately, both In-Su and Seo-Young are tossed onto a veritable rollercoaster ride of emotions, as they are overwhelmed by feelings of anger, betrayal, and unceasing sorrow, all of which they must endure in quiet solitude. But their solitary existences begin to intertwine when the two coincidentally rent rooms in the same motel to stay close to the hospital. Initially, their close proximity to one another feels awkward, but eventually, a mutual attraction develops between these two lonely souls. As one might expect, they end up drifting towards each other, but is what they find together more than just an affair? Is it love? And if so, what will they do when - or if - their spouses wake up?


On paper at least, April Snow seems to have all the makings of a commercial blockbuster, particularly due to the presence of superstar K-idol, Bae Yong-Joon. In execution, however, it plays out more like a stylish art film than anything else. Perhaps that's part of the reason why the film underperformed in South Korea. Rather than go for the overblown tear-jerking histrionics that seems to typify Korean melodramas these days, April Snow is remarkably quiet, restrained, and elliptical. Although it's a simple story, the film is not so much about what happens, but how it happens - with some of the memorable moments being the small, but significant interchanges between the two main characters. There's a welcome sense of hesitancy mixed with eagerness in the staging of the sex scenes, a quality that works well in enhancing the film's palpable sensuality. Although the film was for the most part panned by Korean critics, there seems to be more to April Snow than your average Korean melodrama. The film is subdued - perhaps too slow for some - but ultimately the chemistry between Bae Yong-Joon and Son Ye-Jin (not to mention the beautiful cinematography) makes for compelling viewing.



Although comparisons to other similar films are perhaps unfair, they are somewhat inevitable. The plot of April Snow brings to mind at least two films. The first is the 1999 Hollywood film Random Hearts which features a strikingly similar premise: a fatal plane crash brings together two strangers (played by Harrison Ford and Kristin Scott Thomas), who go through their loved ones possessions only to discover that their spouses were having an affair. However, while that film felt tedious, muddled, and altogether unnecessary, April Snow is immediately compelling due in large part to its singularity of purpose. If Random Hearts represents the critical nadir of this makeshift "adultery mini-genre," then Wong Kar-Wai's In the Mood for Love is most certainly the pinnacle. And like its predecessor, April Snow explores the idea of people succumbing to their passions, becoming essentially the very thing they initially despised. Without overstating things, the film makes room for the viewer (and the characters themselves) to question what is happening. Even if their affair evolves into love, does that make them any different than their cheating spouses? Or are they two sides of the same coin? While April Snow isn't quite on par with In the Mood for Love, it comes awfully close considering its deft, unobtrusive handling of the material. Although that might not seem like much of a compliment, anyone familiar with the glory of In the Mood for Love will realize that to even be mentioned in the same breath is high praise indeed. April Snow, like the improbable phenomenon showcased in its title, is a surprisingly noteworthy experience.

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.